ชักโครกตัน ส้วมตัน แก้ด้วยวิธีง่าย ๆ ด้วยของใช้ใกล้ตัว

509

ชักโครกตันถือเป็นปัญหา ของหลาย ๆ คนที่มักจะพบเจอและสร้างความหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งกลิ่น และสิ่งสกปรกที่ตกค้างทำให้เกิดภาพไม่น่ามอง แถมยังเป็นต้นตอในการแพร่เชื้อโรคอีกด้วย ดังนั้นเราจึงนำเอาแก้ส้วมตันด้วยวิธีง่าย ๆ ด้วยของใช้ใกล้ตัวมาแนะนำกันรับรองว่าได้ผลอย่างแน่นอน

ชักโครกตัน

ใช้แรงดันน้ำ

วิธีนี้รอให้น้ำในโถชักโครกลงให้มากที่สุด แล้วนำน้ำหนึ่งถึงใหญ่ ๆ (เอาที่ขนาดยกไหว) ยกถังขึ้นสูง ๆ หากใครตัวเล็กอาจจะใช้วิธียืนบนเก้าอี้ก็ได้ แล้วเทน้ำลงไปในโถชักโครกให้หมดในคราวเดียวกัน แรงดันของน้ำจะไปดันสิ่งปฏิกูลที่ตกค้าง หรืออุดตันในท่อได้

ราดด้วยน้ำร้อน

วิธีนี้ให้ต้มน้ำร้อนประมาณ 1หม้อ หรือประมาณ 3-5 ลิตร เมื่อน้ำเดือดแล้วนำมาพักไว้สักครู่ แล้วจึงนำเทลงไปในโถชักโครก อย่าใช้น้ำที่เดือดหรือร้อนจัดเทลงไป เพราะจะทำให้โถส้วม หรือชักโครกแตกได้ เมื่อเทน้ำร้อนเสร็จแล้วก็ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที แล้วลองน้ำทิ้งดูว่าใช้ได้หรือยัง หรืออาจจะใช้แรงดันน้ำแบบข้อแรกก็ได้ วิธีนี้เหมาะกับการอุดตันจากคราบไขมัน หรือคราบไตรต่าง ๆ ที่ติดสะสมในท่อ

แก้ชักโครกตันโดยใช้น้ำยาล้างจานหรือสบู่เหลว

วิธีนี้ให้ใช้น้ำยาล้างจาน หรือสบู่เหลวลงไปในโถชักโครก แล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วเติมน้ำร้อนลงไปประมาณ 1 หม้อ ความลื่น และความร้อนจะทำให้สิ่งอุดตันไหลออกไป

ใช้โซดาไฟ

หาวิธีที่ผ่านมาไม่ได้ผลลองใช้วิธีแรง ๆ อย่างการใช้โซดาไฟก็ได้ผลดีไม่น้อย วิธีก็คือให้นำโซดาไฟครึ่งถุง ละลายกับน้ำหนึ่งถัง แล้วใช้ไม่กวนจนละลาย แล้วเทลงในชักโครกทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วกดน้ำทิ้ง แต่ควรแต่งกายให้มิดชิด ใส่แว่น มีผ้าปิดจมูก เพราะโซดาไฟมีฤทธิ์เป็นกรดกัดกร่อน และไม่ควรเทลงไปในโถส้วมตรง ๆ โดยไม่ละลายก่อน เพราะโซดาไฟจะจับตัวเป็นก้อน ยิ่งทำให้อุดตันมากขึ้นไปอีก

ใช้ลวด หรือไม้แขวนผ้า

แก้ชักโครกตันวิธีนี้ก็คือใช้ลวด หรือไม้แขวนผ้า มายืดออก ทำปลายให้งอ แล้วดันลงไปในโถชักโครก เพื่อทะลวงสิ่งอุดตันให้ไหลออก วิธีนี้เหมาะกับสิ่งอุดตันที่อยู่ไม่ลึกมาก แต่หากสิ่งอุดตันอยู่ลึกเกินไปก็อาจจะเปลี่ยนไปใช้งูเหล็กที่สามารถทะลวงได้หลายเมตรจะดีกว่า

นี่เป็นวิธีแก้ชักโครกตัน ส้วมตัน แก้ด้วยวิธีง่าย ๆ ด้วยของใช้ใกล้ตัว ซึ่งหากทำแล้วทุกทางก็ยังไม่ดีขึ้น ก็ควรให้ช่างมาแก้ไขเพราะเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ยอมเสียค่าใช้จ่ายอีกนิดเพื่อสุขอนามัยที่ดีขึ้นก็ถือว่าคุ้มอย่างแน่นอน